เมนู

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า พวกเธอแสดงธรรมแก่บุคคลผู้กั้นร่ม จริงหรือ.
พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียน


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน
พวกเธอจึงได้แสดงธรรมแก่บุคคลผู้กั้นร่มเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่
เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่ง
ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


202. 57. ก. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดง
ธรรมแก่บุคคลมีร่มในมือ.
ก็สิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุ
ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้.
[858] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายรังเกียจเพื่อจะแสดงธรรม
แก่คนเป็นไข้มีร่มในมือ ชาวบ้านพากันเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉน
พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงไม่แสดงธรรมแก่คนเป็นไข้ซึ่งมีร่มในมือเล่า
ภิกษุทั้งหลายได้ยินชาวบ้านพวกนั้นเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาอยู่ จึงกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

ทรงอนุญาตให้แสดงธรรมแก่คนไข้


ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็น
เค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งแก่ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต
ให้แสดงธรรมแก่คนเป็นไข้มีร่มในมือได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้:-

พระอนุบัญญัติ


202. 57. ข. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดง
ธรรมแก่บุคคลไม่ใช่ผู้เจ็บไข้ มีร่มในมือ.

สิกขาบทวิภังค์


ที่ชื่อว่า ร่ม ได้แก่ร่ม 3 ชนิด คือ ร่มผ้าขาว 1 ร่มลำแพน 1
ร่มใบไม้ 1 ที่เย็บเป็นวงกลมผูกติดกับซี่.
ที่ชื่อว่า ธรรม ได้แก่ ถ้อยคำที่อิงอรรถอิงธรรม เป็นพุทธภาษิต
สาวกภาษิต อิสีภาษิต เทวตาภาษิต.
บทว่า แสดง คือแสดงโดยบท ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ อักขระ.
อันภิกษุไม่พึงแสดงธรรมแก่บุคคลไม่เป็นไข้ผู้กั้นร่ม ภิกษุใดอาศัย
ความเอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้กั้นร่ม ต้องอาบัติทุกกฏ.

อนาปัตติวาร


ไม่แกล้ง 1 เผลอ 1 ไม่รู้ตัว 1 อาพาธ 1 มีอันตราย 1 วิกลจริต 1
อาทิกัมมิกะ 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
สุรุสุรุวรรค สิกขาบทที่ 7 จบ